lenovo-2-in-1-ideapad-d330-10igm-รวว
  1. ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (เสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับเพิ่มขึ้น …
  2. บทความ - การดูแลแผลกดทับ

ทำความสะอาดรอบๆ บาดแผลด้วยสบู่ต้านเชื้อแบคทีเรียและน้ำเปล่า แค่ควรระวังอย่าให้สบู่ถูกบาดแผลโดยตรง เนื่องจากอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ [9] [10] การทำเช่นนี้จะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย และป้องกันการติดเชื้อได้ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และไอโอดีนมักใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรคในบาดแผล [11] อย่างไรก็ตาม จริงๆ แล้วไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และไอโอดีนสามารถทำลายเซลล์ที่มีชีวิตได้ ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จึงแนะนำไม่ให้ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้กับบาดแผล [12] [13] [14] 5 นำสิ่งแปลกปลอมออก. หากมีสิ่งใดๆ ติดอยู่ในบาดแผล เช่น สิ่งสกปรก ทราย เศษต่างๆ เป็นต้น ให้ใช้แหนบหนีบออกมาอย่างระมัดระวัง ก่อนอื่นให้นำแหนบไปทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคก่อน โดยเช็ดด้วยสำลีก้อนหรือผ้าก๊อซที่จุ่มลงในไอโซโพพิลแอลกอฮอล์ [15] [16] หลังจากนำสิ่งแปลกปลอมออกมาจนหมดแล้ว ให้ชำระล้างแผลด้วยน้ำเย็น ไปพบแพทย์หากเศษฝุ่นหรือสิ่งอื่นๆ ติดอยู่ลึกเกินไปจนไม่สามารถนำออกได้ [17] 6 ซับเบาๆ ให้แห้ง. หลังจากชำระล้างและทำความสะอาดบาดแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ผ้าหรือผ้าขนหนูสะอาดซับเบาๆ ให้แห้ง ใช้วิธีการซับแทนการถูอย่างรุนแรงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มขึ้น 7 ทายาปฏิชีวนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบาดแผลสกปรก.

ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (เสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับเพิ่มขึ้น …

การทําแผลกดทับ
  1. การทําแผลกดทับ
  2. Benefit bravo conditioning primer รีวิว color
  3. นี เวี ย ตลับ สี น้ํา เงิน
  4. หน้าหลัก - DoiTung Corporate
  5. Innisfree jeju pomegranate revitalizing serum ราคา moisturizer
  6. เป็นไข้ หรือมีอาการป่วยควรควบคุมอุณหภูมิห้องเพื่อให้กระจายความร้อนออกไป
  7. ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (เสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับเพิ่มขึ้น …
  8. บทความ - การดูแลแผลกดทับ
  9. โทรศัพท์ vivo ราคาไม่เกิน 4 000 piece
  10. เนื้อเพลง จิ ง เกิ ล เบ ล
  11. ‎กล้องวงจรปิด Alfred Camera บน App Store

ในบางครั้งอาการบาดเจ็บอาจเกิดขึ้นใต้ผิวหนังในบริเวณที่คุณไม่สามารถสังเกตเห็นได้ หากคุณหมดสติ รู้สึกสับสน เคลื่อนไหวได้จำกัด หรือรูสึกเจ็บอย่างรุนแรง ให้ไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการช่วยเหลือทางการแพทย์ ส่วน 2 ของ 4: รักษาบาดแผล 1 ล้างมือให้สะอาดก่อนเริ่มทำแผล. [3] คุณคงไม่ต้องการให้เกิดการติดเชื้อในระหว่างการดูแลแผลแน่ๆ ดังนั้น จึงควรล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำอุ่นก่อนเริ่มทำแผล หากต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ คุณสามารถสวมถุงมือก่อนเริ่มทำความสะอาดแผลได้เช่นกัน ห้ามเลือด. หากมีเลือดไหลออกจากบาดแผล ให้ห้ามเลือดโดยการกดลงไปบนแผล ใช้ผ้าสะอาดหรือผ้าก๊อซวางลงไปบนบาดแผล และกดไว้สักครู่ เปลี่ยนผ้าหรือผ้าก๊อซเมื่อเริ่มชุ่มเลือด หากเลือดยังคงไม่หยุดไหลหลังผ่านไปแล้วกว่า 10 นาที ให้ปรึกษาแพทย์ เนื่องจากคุณอาจจำเป็นต้องเย็บแผลหรือรักษาด้วยวิธีอื่น [4] [5] [6] 3 ชำระล้างบาดแผล. เปิดน้ำเย็นให้ไหลผ่านแผลหรือราดน้ำลงบนแผล และขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นหากแผลอยู่ในบริเวณที่คุณมองไม่เห็นหรือเอื้อมไม่ถึง ควรชำระล้างแผลให้นานพอ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำไหลผ่านทั่วบาดแผล และสิ่งสกปรกและ/หรือสิ่งแปลกปลอมถูกล้างออกจนหมด [7] [8] 4 ทำความสะอาดบาดแผล.

คุณเคยประสบอุบัติเหตุในระหว่างการขี่รถจักรยานยนต์ ขี่จักรยาน เล่นสเก็ตบอร์ด หรือเล่นสเก็ต จนผิวหนังครูดไปกับพื้นถนนหรือไม่ ถ้าใช่ คุณคงได้รับแผลถลอกที่เรียกว่า road rash ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดได้ แต่มีวิธีที่จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นและทำให้บาดแผลเริ่มทำการฟื้นฟู ส่วน 1 ของ 4: ประเมินขอบเขตของการบาดเจ็บ 1 เคลื่อนย้ายไปยังบริเวณที่ปลอดภัย. หากอุบัติเหตุเกิดขึ้นบนบริเวณที่อันตราย เช่น กลางถนน คุณควรย้ายไปยังบริเวณที่ปลอดภัยกว่า (ออกมาจากถนน) ถ้าสามารถทำได้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย 2 ยึดตรึงบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต. ตรวจดูให้แน่ใจว่าคุณ (หรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ) สามารถเคลื่อนไหวได้อิสระ และไม่มีบริเวณใดที่มีกระดูกหัก หากพบว่ามีกรณีใดกรณีหนึ่ง ให้หยุดเคลื่อนไหวทันทีและโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉินหรือขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นให้โทรแจ้งหน่วยฉุกเฉินให้คุณ [1] หากได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ให้ตรวจดูว่าสมองได้รับการกระทบกระเทือนหรือไม่ และไปพบแพทย์โดยทันที 3 ประเมินความรุนแรงของบาดแผล. ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นหากคุณตรวจดูบาดแผลได้ไม่ถนัด และโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉินหากมีอาการบาดเจ็บต่อไปนี้ [2] บาดแผลลึกจนมองเห็นชั้นไขมัน กล้ามเนื้อ หรือกระดูก บาดแผลมีเลือดพุ่งทะลัก หากพบอาการนี้ ให้ใช้มือ ผ้า หรือวัสดุอื่นๆ กดลงไปบนบาดแผลในขณะที่รอการช่วยเหลือ เพื่อช่วยให้เลือดไหลช้าลง ขอบแผลขรุขระและเปิดออกกว้าง 4 ตรวจดูว่ามีอาการบาดเจ็บอื่นๆ หรือไม่.

หยุดการเคลื่อนไหวส่วนที่ได้รับบาดเจ็บในระหว่างการฟื้นฟู ตัวอย่างเช่น หากคุณได้รับบาดเจ็บที่ขา ให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังมาก เช่น การวิ่งและการปีนเขา การหลีกเลี่ยงการออกแรงมากในบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บจะช่วยให้บาดแผลฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว ดูแลเอาใจใส่ในระหว่างการฟื้นฟูบาดแผล. โดยทั่วไปบาดแผลจะหายดีภายใน 2 สัปดาห์หากคุณคอยดูแลรักษาอย่างดี [31] ความเร็วในการฟื้นฟูของบาดแผลขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ โภชนาการ การสูบบุหรี่ ระดับความเครียด อาการเจ็บป่วยอื่นๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ยาทาปฏิชีวนะจะช่วยเพียงแค่การลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเท่านั้น แต่ไม่ได้ช่วยให้บาดแผลหายดีเร็วขึ้น หากบาดแผลของคุณดูเหมือนจะหายช้าจนผิดปกติ ให้เข้ารับการตรวจจากแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการที่รุนแรง เช่น อาการป่วยต่างๆ [32] 8 ปรึกษาแพทย์หากอาการแย่ลง หรือบาดแผลเริ่มติดเชื้อ. คุณจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจจากแพทย์หากมีอาการต่อไปนี้ [33] [34] [35] [36] หากมีสิ่งสกปรกหรือสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในแผลที่ไม่สามารถนำออกได้ หากรอบๆ บาดแผลเริ่มแดง บวม ร้อน หรือเจ็บปวด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้อได้ หากมีรอยแดงเป็นริ้วๆ รอบบาดแผล หากแผลมีน้ำหนองไหลออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีกลิ่นเหม็น หากมีอาการป่วยเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ (มีไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น) ส่วน 4 ของ 4: ป้องกันไม่ให้เกิดแผลถลอก สวมเสื้อผ้าและอุปกรณ์ป้องกัน.

บทความ - การดูแลแผลกดทับ

สวมใส่เสื้อผ้าที่ช่วยป้องกันร่างกาย เช่น เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว เพื่อช่วยป้องกันผิวหนังไม่ให้เกิดแผลถลอก หากคุณทำกิจกรรมใดๆ ที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บ ให้สวมอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม โดยการใช้อุปกรณ์ป้องกันจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ [37] [38] ตัวอย่างเช่น สวมสนับศอก สนับข้อมือ และสนับเข่า เมื่อเล่นกีฬาอย่างสเก็ตบอร์ดหรือสเก็ต การสวมหมวกกันน็อกจะช่วยป้องกันศีรษะไม่ให้เกิดการบาดเจ็บจากกีฬาเหล่านี้และกิจกรรมประเภทอื่นๆ เช่น การขี่จักรยานหรือรถจักรยานยนต์ 2 ระมัดระวัง. เรียนรู้วิธีการใช้อุปกรณ์อย่างเหมาะสมในกิจกรรมที่คุณทำ เช่น รถจักรยานยนต์ จักรยาน เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น ควรหลีกเลี่ยงการเล่นโลดโผนที่อันตรายและการกระทำโดยประมาทอื่นๆ การระมัดระวังตัวเมื่ออยู่บนถนนเป็นวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดแผลถลอกได้ 3 มั่นใจว่าได้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักอย่างต่อเนื่อง. บาดแผลถลอกโดยส่วนมากมักมีสิ่งสกปรกเข้าไปข้างใน และในบางทีก็อาจมีโลหะหรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ เข้าไปได้เช่นกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคบาดทะยักได้ ผู้ใหญ่ควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักหลังการฉีดวัคซีนครั้งล่าสุดผ่านมาแล้วเกิน 5 ปีและเมื่อบาดแผลสกปรก หากคุณได้รับแผลถลอก ให้ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อฉีดวัคซีน [39] เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้ มีการเข้าถึงหน้านี้ 135, 641 ครั้ง บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

การดูแลแผลกดทับ วันจันทร์ที่ 7 มกราคม ค. ศ. 2019 8 นาฬิกา 11 นาที 01 วินาที Asia/Bangkok การดูแลแผลกดทับผู้ดูแลจำเป็นจะต้องคอยทำความสะอาดบาดแผลอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือการลุกลามของแผล นอกจากนี้อาจจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อื่นเข้าช่วย อาทิ แผ่นแปะแผลกดทับ ทาเจลเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เป็นต้น ทั้งยังต้องคอยพลิกตัวและเปลี่ยนท่านอนเผื่อไม่ให้น้ำหนักกดทับไปยังแผลมากเกินไป รวมไปถึงเรื่องของอาหารเสริมเพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น หลักสำคัญของการดูแลแผลกดทับคือการป้องกันไม่ให้บาดแผลลุกลามและบรรเทาความรุนแรงของแผลให้ลดน้อยลง ดังนั้นจึงต้องมีความพิถีพิถันในการดูแลเป็นอย่างมาก 1. )

ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (เสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับเพิ่มขึ้น … Coggle

อาหารเสริม ควรเป็นอาหารประเภท โปรตีน เช่น เนื้อ นม ไข่ ถั่ว วิตามินซี วิตามินเอ แร่ธาตุสังกะสีและเหล็ก จึงสรุปได้ว่าหัวใจของการดูแลแผลกดทับคือการป้องกันไม่ให้แผลลุกลามหรือรุนแรงขึ้น และช่วยเยียวยาบาดแผลที่มีให้กลับมาเป็นปกติ ทั้งหมดนี้จำเป็นที่จะต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างได้แก่ การลดน้ำหนักการกดทับที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งนาน ๆ โดยหมั่นพลิกตะแคง การรักษาความสะอาดของผู้ป่วย และการเพิ่มอาหารเสริมที่จะช่วยให้บาดแผลหายเร็วมากยิ่งขึ้น อ้างอิง [1] โพสใน เกร็ดความรู้ โดย Store Owner

การยกส่วนที่ได้รับบาดเจ็บให้อยู่ในระดับเดียวกับหัวใจหรือสูงกว่าให้มากที่สุดจะช่วยลดการบวมและความเจ็บปวดได้ วิธีนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่งหากบาดแผลมีอาการรุนแรงหรือเกิดการติดเชื้อ [28] จัดการกับอาการเจ็บปวดที่มี. ทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา เช่น ไอบูโพรเฟนหรืออาซีตะมิโนเฟน เมื่อคุณมีอาการเจ็บปวดจากบาดแผล หากแพทย์ไม่ได้สั่งจ่ายยาชนิดอื่นให้คุณ [29] ไอบูโพรเฟนยังมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ ซึ่งสามารถช่วยลดการบวมได้ หากผิวหนังบริเวณบาดแผลเริ่มแห้งหรือมีอาการคัน ให้ทามอยส์เจอร์ไรซิ่งโลชั่นเพื่อบรรเทาอาการ สวมเสื้อผ้าที่ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณบาดแผล. หากเป็นไปได้ ควรสวมเสื้อผ้าที่ไม่เสียดสีกับแผลถลอกในระหว่างการฟื้นฟู ตัวอย่างเช่น สวมเสื้อแขนสั้นหากบาดแผลอยู่บนแขน หรือหากบาดแผลอยู่บนขา ให้สวมกางเกงขาสั้น ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายตัวมากขึ้น 5 ทานอาหารและดื่มน้ำอย่างเหมาะสม. ดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ (ประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน โดยเฉพาะน้ำเปล่า) และทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพในระหว่างการฟื้นฟู การดื่มน้ำอย่างเพียงพอและทานอาหารที่บำรุงร่างกายจะช่วยให้บาดแผลฟื้นฟูได้รวดเร็วขึ้น [30] 6 พักผ่อน.

ปิดแผลด้วยผ้าพันแผล เพื่อป้องกันบาดแผลจากสิ่งสกปรก การติดเชื้อ และการระคายเคืองจากเสื้อผ้าในช่วงที่บาดแผลกำลังฟื้นฟู ควรใช้ผ้าพันแผลชนิดที่ไม่ติดผิว หรือใช้ผ้าก๊อซแล้วปิดทับด้วยเทปหรือรัดด้วยหนังยาง [21] [22] 9 ยกส่วนที่ได้รับบาดเจ็บให้สูง. การยกส่วนที่ได้รับบาดเจ็บให้อยู่ในระดับเดียวกับหัวใจหรือสูงกว่าให้มากที่สุดจะช่วยลดการบวมและความเจ็บปวดได้ วิธีนี้จะได้ผลเป็นอย่างดีใน 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการเกิดอุบัติเหตุ และสำคัญเป็นอย่างยิ่งหากบาดแผลมีอาการรุนแรงหรือเกิดการติดเชื้อ [23] ส่วน 3 ของ 4: ดูแลบาดแผลในระหว่างการฟื้นฟู 1 เปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่เมื่อจำเป็น. เปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน หรือบ่อยมากขึ้นหากผ้าพันแผลเริ่มแฉะหรือสกปรก [24] [25] ก่อนเปลี่ยนผ้าพันแผล ให้ล้างสิ่งสกปรกออกโดยใช้น้ำเปล่าและสบู่ต้านเชื้อแบคทีเรีย 2 ทายาปฏิชีวนะซ้ำทุกวัน. [26] ทายาทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนผ้าพันแผล แม้ว่าการทายาเพียงอย่างเดียวจะไม่ได้ช่วยให้บาดแผลฟื้นฟูเร็วขึ้น แต่ก็สามารถช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อได้ ทั้งยังป้องกันไม่ให้แผลขาดความชุ่มชื้นอีกด้วย เนื่องจากความแห้งสามารถก่อให้เกิดสะเก็ดแผล ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้ [27] 3 ยกส่วนที่ได้รับบาดเจ็บให้อยู่สูง.